คู่มือการใช้โปรแกรม
Adobe Photoshop CS
Adobe Photoshop CS คืออะไร
Adobe
Photoshop CS เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่รวบรวมเครื่องมือสำหรับตกแต่งภาพประสิทธิภาพสูง
เพื่อการทำงานระดับมาตรฐานสำหรับนักออกแบบมืออาชีพที่ต้องการสร้างสรรค์งานกราฟิกที่โดดเด่น
ทั้งงานที่ใช้บนเว็บและงานสิ่งพิมพ์
พื้นที่การทำงาน (Work Area)
Work Area หรือพื้นที่การทำงานของโปรแกรม
Adobe Photoshop จะประกอบด้วยเครื่องมือสำหรับการตกแต่งไฟล์ภาพต่าง
ๆ ดังนี้
1.
Menu bar คือส่วนที่แสดงชื่อเมนูต่างๆ ของโปรแกรม
2.
Toolbox คือส่วนของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างชิ้นงานหรือตกแต่งภาพ
3.
Tool options
bar คือส่วนที่กำหนดคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่เลือกจาก Toolbox
4.
Palettes คือส่วนที่ใช้ตรวจสอบและกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ให้กับรูปภาพ
5.
Status bar คือส่วนที่แสดงรายละเอียดต่าง ๆ ของชิ้นงาน เช่น ขนาดของมุมมองรูปภาพ
ขนาดของไฟล์ คำแนะนำการใช้งานของอุปกรณ์ที่เลือกจาก Toolbox
เครื่องมือต่างๆ (Toolbox)
Tool ที่น่าสนใจ
การใช้งาน Palettes
Palettes
คือ Dialog ที่ใช้ตรวจสอบและกำหนดคุณสมบัติต่าง
ๆ ของรูปภาพ เช่น Palette ของ Navigator และ Info, Palette ของ Color, Swatches เป็นต้น
Palette ต่าง ๆ
จะถูกจัดเป็นกลุ่ม ๆ สำหรับการซ่อนหรือแสดง Palettes นั้นให้คลิกที่เมนูคำสั่ง
Window จากนั้นเลือก Palette ที่ต้องการซ่อนหรือแสดง
Palette ใดถูกเปิดใช้งานอยู่จะมีเครื่องหมายถูก
หน้า Palette
Navigator Palette
Navigator Palette เป็น
Palette ที่ใช้สำหรับเปลี่ยนขนาดมุมมอง
ที่จอภาพตามความเหมาะสม ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1. Proxy
Preview Area คือส่วนที่แสดงถึงขนาดของภาพในชิ้นงาน
กรอบสีหมายถึงขนาดของชิ้นงาน หากกรอบของ Proxy Preview อยู่ริมสุดของภาพแสดงว่าภาพนั้นมีขนาดพอดีกับชิ้นงาน
2. ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ของภาพ คือส่วนที่ใช้กำหนดขนาดมุมมองของภาพ
ซึ่งอยู่ในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ โดยค่าของขนาดภาพจริงจะเท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์
3. Zoom
Out & Zoom In คือส่วนที่ใช้กำหนดขนาดมุมมองของภาพ
ประกอบด้วยส่วนที่ใช้กำหนด 3 ส่วน คือ
3.1 Zoom
Out คือส่วนที่อยู่ด้านซ้ายสุด
ใช้สำหรับย่อขนาดมุมมองของภาพให้เล็กลง
3.2 Zoom
In คือส่วนที่อยู่ด้านซ้ายสุด
ใช้สำหรับขยายขนาดมุมมองของภาพให้ใหญ่ขึ้น
3.3 Zoom
Slider คือส่วนที่เป็นแถบเลื่อน
หากเลื่อนทางด้านซ้ายจะย่อขนาดมุมมองของภาพให้เล็กลง
แต่หากเลื่อนมาทางขวาจะขยายขนาดมุมมองของภาพให้ใหญ่ขึ้น
Color Palette
Color
Palette คือ Palette ที่ทำหน้าที่เป็นจานสี
ซึ่ง Mode สีที่ปรากฏในภาพจะเป็นลักษณะการผสมใน Mode
RGB มีส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้
1. Set
foreground color คือส่วนแสดงสีของ foreground
2. Set
background color คือส่วนแสดงสีของ background
3. RGB
slider คือส่วนที่ใช้กำหนดค่าของการผสมสีใน Mode RGB ซึ่งสามารถเลื่อนเพื่อปรับค่าสีได้จากแถบ slide หรือระบุเป็นตัวเลข
(0-255) เช่น สีดำ คือ R=0,G=0, B=
4. Sample
color คือส่วนสำหรับกำหนดค่าสีในลักษณะจุ่มเลือกสี
Swatches Palette
Swatches Palette คือ Palette
ที่ทำหน้าที่สำหรับเก็บสีหลักๆ ที่นิยมใชสามารถเลือกนำมาใช้ได้ทันทีและถ้าหากว่าคุณมีสีที่ต้องการใช้เป็นประจำ สามารถบันทึกสีนั้นไว้ใน
Palette นี้ได้การบันทึกสีที่ต้องการไว้ที่ Swatches Palette สามารถทำได้โดยเลือกสีที่ต้องการ
จากนั้นคลิกเมาส์ที่ปุ่มบันทึกสีใหม่ที่ Swatches Palette จะสามารถบันทึกสีที่ต้องการได้
Styles Palette
Styles
Palette คือ Palette ที่มีไว้สำหรับเก็บลวดลายอย่างลวดเร็ว
สามารถเลือกลวดลายจาก Palette นี้ไปใช้ในภาพ
จะทำให้ภาพที่คุณวาดไว้เปลี่ยนไปตามลวดลายที่เลือกไว้ทันที
และยังสามารถสร้างลวดลายให้ขึ้นมาเองได้ด้วย
การใช้งานนั้นสามารถทำได้โดยเลือกที่ Layer ที่ต้องการจะทำ
Style แล้วคลิกเลือกที่ Style บน Styles
Palette จากนั้น Layer จะเปลี่ยนตาม Style
นั้นๆ
History Palette
History Palette เป็น
Palette ที่แสดงขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ
ที่ใช้ทำงานกับไฟล์ภาพตามลำดับโดยสามารถย้อนกลับไปยังการทำงานต่าง ๆ
ในลำดับชั้นและยกเลิกได้ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1. ส่วนที่ใช้กำหนดข้อมูลของการใช้ History Brush Tool
2. เป็นภาพที่แสดงรายละเอียดของงานที่ทำตามลำดับ
3. History State เป็นลำดับขั้นตอนวิธีการต่าง
ๆ ที่ได้กระทำลงไป
4.
History State Slider คือส่วนชี้ว่าขณะนี้อยู่ที่ลำดับใด
5. New
Document คือส่วนที่ใช้สร้างกระดาษทำการใหม่
โดยคัดลอกภาพจากลำดับที่ชี้อยู่
6. New
Snapshot คือส่วนที่ใช้สร้าง Snapshot ใหม่
7.
Trash Button คือส่วนที่ใช้ลบขั้นตอนการทำงานกับไฟล์ภาพในลำดับที่เลือกอยู่ออก
Layer Palette
Layer Palette เป็น
Palette ที่เก็บชิ้นงานหรือภาพทั้งหมด เรียกว่า Layer
ซึ่งจะเรียงลำดับก่อนหลัง
ทำให้เกิดความสะดวกในการจัดการแก้ไขโดยไม่เกิดผลกระทบกับชิ้นงานหรือภาพอื่น ๆ
โดยจะแก้ไขเฉพาะชิ้นงานหรือภาพใน Layer ที่เลือกเท่านั้น
ส่วนประกอบของ Layer Palette มีดังนี้
1. Indicates
Layer Visibility คือส่วนที่กำหนดการแสดงผลของ
Layer หากมีสัญลักษณ์รูปตาแสดงว่าภาพที่อยู่ใน Layer ดังกล่าวถูกแสดงบน Work Area หากไม่มีแสดงว่า Layer
นั้นถูกซ่อนหรือไม่แสดงผล
2. Indicates
if Layer is Linked คือส่วนที่แสดงว่า Layer ใดกำลังถูกทำงาน
Layer นั้น จะมีสัญลักษณ์รูปพู่กัน
นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดให้ Layer อื่นเลื่อนตำแหน่งตาม Layer
ที่กำลังทำงานอยู่ได้โดยการคลิกให้ Layer อื่นเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์รูปโซ่
3. Add
a Layer Style คือส่วนที่ใช้ใส่ Effect เช่น
แสง เงา ต่าง ๆ ให้กับภาพใน Layer
4. Add
a mask คือส่วนที่ใช้เพิ่ม Mask หรือเพิ่ม 1
Layer ซ้อนทับ Layer ที่กำลังทำงานอยู่
โดยทั้ง 2 จะถือเป็น Layer เดียวกัน
5. Create
a new set คือส่วนที่ใช้สร้าง Folder สำหรับเก็บ
Layer ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
6. Create
new fill or adjustment layer คือส่วนที่ใช้ปรับค่าสี ความคมชัด
แสงและความสว่างในแบบต่าง ๆ ของภาพใน Layer
7. Create
a new layer คือส่วนที่ใช้สร้าง Layer ใหม่
8. Delete
layer คือส่วนที่ใช้ลบ Layer
9. Layer
Thumbnail คือส่วนที่แสดงว่า Layer นั้นมีภาพใดอยู่
10. Lock
คือส่วนที่ใช้ Lock ในรูปแบบต่างๆ
11. Opacity
คือส่วนที่ใช้ทำให้ Layer นั้นโปร่งใส (ทั้ง Fill และ Effect)
12. Fill
คือส่วนที่ใช้ทำให้ เฉพาะ Fill ใน Layer
นั้นโปร่งใส ซึ่งไม่รวม Effect ที่ Layer
นั้นมีอยู่
หมายเหตุ: แถบสีน้ำเงินแสดงว่ากำลังทำงานกับ Layer 2
การจัดลำดับ Layer
สามารถทำได้โดยนำเมาส์คลิกค้างไว้ที่ Layer แล้วลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
หรือใช้เมนูคำสั่ง Layer -> Arrange
·
Bring to Front คือ ส่ง Layer
ไปยังตำแหน่งบนสุดของทุก Layer
·
Bring Forward คือ ส่ง Layer
ขึ้นไปตำแหน่งบน 1 ขั้น
·
Send Backward คือ ส่ง Layer
ลงไปตำแหน่งล่าง 1 ขั้น
·
Send to Back คือ ส่ง Layer
ลงไปตำแหน่งล่างสุดของทุก Layer แต่ยกเว้น Background
Layer
การเปิดไฟล์ภาพ (Open)
1. คลิกที่เมนูคำสั่ง File ที่แถบ Menu bar จากนั้นเลือกคำสั่ง Open
2. จะปรากฏ Dialog แสดงรายชื่อไฟล์ต่าง ๆ ดังภาพ เพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการเปิดมาใช้งาน
3. คลิกเลือกไฟล์ที่ต้องการเปิดใช้งาน จากนั้นคลิกปุ่ม Open
การสร้างไฟล์ใหม่ (New)
1. คลิกที่เมนูคำสั่ง File ที่แถบ Menu bar จากนั้นเลือกคำสั่ง New
2. จะปรากฏ Dialog สำหรับกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ
ของไฟล์ภาพดังนี้
-
Name คือ ชื่อของชิ้นงาน สามารถกำหนดใหม่เองได้
ชื่อนี้จะไประบุที่ชื่อไฟล์ต่อไป
-
Preset คือ ขนาดงานที่โปรแกรมกำหนดมาให้
ซึ่งมีหลากหลายขนาดให้เลือก หรือสามารถกำหนดเองจากช่อง Width และ Height ได้
-
Width คือ ขนาดความกว้างของงาน
(จากซ้ายไปขวา) โดยกำหนดหน่วยและขนาดได้เอง จากรูป คือ 1024 Pixels
-
Height คือ ขนาดความกว้างของงาน
(จากบนลงล่าง) โดยกำหนดหน่วยและขนาดได้เอง จากรูป คือ 768 Pixels
-
Resolution คือ ความละเอียดของภาพ โดยใส่ตัวเลขค่าความละเอียดของภาพ
เช่น งานเว็บหรือรูปที่แสดงบนคอมพิวเตอร์เท่ากับ 72 pixels/inch งานสิ่งพิมพ์เท่ากับ 150-200 pixels/inch
-
Color Mode คือ โหมดสีของภาพ
ซึ่งประกอบไปด้วย โหมดสี Bitmap, Grayscale,
RGB Color, CMYK Color, Lab Color
-
Background Contents คือ สีพื้นหลังของภาพ
เมื่อเริ่มชิ้นงานใหม่ มีดังนี้
·
White กำหนดให้สีพื้นหลังเป็นสีขาว
·
Background Color กำหนดให้สีพื้นหลังเป็นสีเดียวกับ
Background
·
Transparent ไม่มีพื้นหลัง
1. หลังจากกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ให้คลิกปุ่ม OK เพื่อเริ่มชิ้นงานใหม่
การบันทึกข้อมูลลงบนไฟล์ (Save)
หลังจากตกแต่งไฟล์ภาพเรียบร้อย จะต้องเก็บบันทึกข้อมูลลงบนไฟล์ (Save)
สำหรับการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป โปรแกรมมีการบันทึกข้อมูลลงบนไฟล์
(Save) อยู่ 3 ลักษณะ คือ
-
Save บันทึกไฟล์ในรูปแบบ (Format) ปกติ ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบ (Format) ของ PSD
-
Save As บันทึกไฟล์ในรูปแบบ (Format)
อื่น ๆ ได้ เช่น JPEG, BMP, GIF เป็นต้น
-
Save for Web บันทึกไฟล์ในรูปแบบ (Format)
สำหรับการใช้งานบนเว็บ เช่น ไฟล์ Html และไฟล์รูปภาพ
JPEG, GIF, PGN เป็นต้น
ในที่นี่เป็นแสดงการใช้งานของ
Save และ Save As
1. คลิกที่เมนูคำสั่ง File ที่แถบ Menu bar จากนั้นเลือกคำสั่ง Save หรือ Save As
2. จะปรากฏ Dialog สำหรับกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ
ของไฟล์ภาพดังนี้
-
ชื่อไฟล์ (File Name)
-
รูปแบบของไฟล์ (Format)
-
กำหนดคุณสมบัติของการบันทึกไฟล์ (Save
Options)
·
As a Copy บันทึกไฟล์เป็นชื่ออื่น
รูปแบบ (Format) อื่น ขณะที่ไฟล์เดิมกำลังเปิด ใช้งาน
·
Layers จะเก็บคุณสมบัติของ Layer
ต่าง ๆ
·
Use Proof setup เก็บค่าโหมดสีที่จะใช้แสดงสีของภาพก่อนจะพิมพ์
·
Thumbnail กำหนดให้ไฟล์ที่บันทึก (Save)
สามารถแสดงภาพตัวอย่างใน Dialog ของการเปิดไฟล์
·
Use Lower Case Extension กำหนดให้นามสกุลไฟล์เป็นอักษรตัวเล็ก
3. หลังจากกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ให้คลิกปุ่ม Save เพื่อบันทึกข้อมูลลงบนไฟล์
การกำหนดพื้นที่ เพื่อแก้ไขและตกแต่งภาพ (Selection)
Marquee Tool เป็นเครื่องมือสำหรับการกำหนด Selection
โดยคลิกเลือก Marquee
Tool จาก Tool box จะมีให้เลือกใช้งาน 4
รูปแบบตามความเหมาะสม
วิธีการใช้งาน Marquee Tool
1. ให้คลิกที่ Marquee Tool บน Tool Box หรือหากต้องการเลือกรูปแบบอื่นของ Marquee Tool ให้คลิกเมาส์ค้างไว้
แล้วคลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการสร้าง Selection
2. วางตำแหน่งของ Cursor รูป
เพื่อกำหนดจุดเริ่มสำหรับการสร้าง Selection
ให้คลิกเมาส์ค้างไว้และลากเพื่อกำหนดขนาดของพื้นที่ที่ต้องการ
แล้วปล่อยเมาส์ จะปรากฏเส้นประของ Selection ดังภาพMarquee options
เมื่อคลิกเลือกใช้งาน Marquee Tool ที่ Tool options
bar เราจะสามารถกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ
ของ Marquee tool ได้ดังนี้
1.
การแก้ไข
Selection จะมีให้เลือก 4
รูปแบบคือการกำหนดเลือก Selection ใหม่ การเพิ่ม ตัดและลด Selection และการสร้าง Selection ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
เมื่อคลิกเมาส์จะเป็นการสร้าง Selection ขึ้นใหม่
สร้าง Selection เพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ Selection
ก่อนหน้าจะไม่หายไป
แต่จะถูกรวมเข้าด้วยกัน
ลบพื้นที่ของ Selection ออกจาก Selection ก่อนหน้า
เป็นการสร้าง Selection
ใหม่ในพื้นที่ Selection เดิม ด้วยวิธี Intersect
จากพื้นที่ Selection
ที่ กำหนดใหม่และ
Selection ก่อนหน้า
ที่มีพื้นที่เดียวกัน
2.
Feather กำหนดความฟุ้งเบลอของขอบ Selection
ภาพ มีค่าตั้งแต่ 1 – 250 หากกำหนดค่ามากความฟุ้งเบลอจะมากตาม
1.
Style ของ Marquee Options มี 3 รูปแบบคือ
·
Normal เลือกขนาดอิสระ ขนาดของ Selection จะเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนตำแหน่งเมาส์
·
Constrained Aspect Ratio
กำหนดขนาดของ Selection โดยยืดหยุ่นตามอัตราส่วนของความกว้าง
(Width) และความสูง (Height)
·
Fixed Size กำหนดขนาดของ Selection ตามอัตราส่วนของความกว้าง (Width)
และความสูง (Height) ที่แน่นอน
2. Width
การกำหนดความกว้างของ Selection
3. Height
การกำหนดความสูงของ Selection
4. Width การกำหนดความกว้างของ Selection
5. Height การกำหนดความสูงของ Selection
4. Width การกำหนดความกว้างของ Selection
5. Height การกำหนดความสูงของ Selection
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น